การที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้ก็คือพระองค์ทรงสถิตอยู่กับเราเป็นหลัก.

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้ พระองค์ทรงอยู่กับเรา. เมื่อเราดำเนินชีวิตพระองค์, ยึดพระองค์เป็นแบบอย่างของเรา และถือว่าสิ่งสารพัดเป็นการสูญเสีย เพื่อจะได้รับพระคริสต์ เราก็จะสัมผัสว่าพระองค์ทรงสถิตอยู่กับเรา. พระองค์ทรงอยู่ใกล้ ทั้งในแง่ของระยะทางและกาลเวลา. ในแง่ของระยะทาง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้เรา, พร้อมที่จะช่วยเหลือเรา. ในแง่ของกาลเวลาองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้ และจะเสด็จมาโดยเร็วพลัน. ในเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้ ดังนั้นมีความจำเป็นใดเล่าที่เราจะต้องเป็นกังวลหรือร้อนใจ? " อย่า กระวนกระวาย ด้วยสิ่งใดเลย แต่จงเสนอ ความปรารถนา ของท่านทุกอย่างต่อ พระเจ้า โดย การอธิษฐาน และ การวิงวอน พร้อมด้วยการขอบพระคุณและสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจได้จะคุ้มครองใจและความคิดของท่านไว้ใน พระคริสต์เยซู " ฟป. 4:6-7



คำว่า "ดวงตะวัน" บ่งชี้ถึงชีวิต คำว่า "ความชอบธรรม" ชี้ถึงความยุติธรรม.

ทั่วแผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความตายและความอยุติธรรม แต่เมื่อเรามีพระคริสต์ผู้เยียวยา เราก็มีชีวิตและความยุติธรรม. เรากำลังเฝ้ารอคอยพระองค์ให้เสด็จมาเป็นดวงตะวันแห่งความชอบธรรมที่มี การเยียวยารักษาอยู่ที่ปีกของพระองค์. เพราะเหตุเราได้ต้อนรับพระองค์ในที่ลับลี้, ในทางที่ซ่อนเร้น เราจึงได้รับการเยียวยารักษาทุกๆ วัน. การเยียวยารักษาของพระองค์ทำให้เรา มีความยินดีเพื่อให้เราลืมไปซึ่งความโกรธและ ความกระวนกระวาย. เราป่วยเพราะเหตุความบาป, ความตาย, ทั้งความ ขาดแคลนและความบกพร่องมากมาย. มีเพียงพระคริสต์ผู้เยียวยารักษาผู้นี้สามารถทำให้เราแข็งแรงสมบูรณ์. การได้รับการ เยียวยารักษาคือการได้รับความรอด. ทำให้แข็งแรงสมบูรณ์ พระองค์จะทรงเยียวยารักษาเราแต่เราต้องให้ พระองค์มีอิสระในการใช้ปีกของพระองค์โบยบินเหนือเรา, รอบเรา, และภายในเรา. พระองค์จะทรง เป็นทุกสิ่งต่อแผ่นดินโลกและต่อเรา. พระคริสต์ผู้เยียวยารักษาผู้นี้จะทรงเสด็จมาอย่างกระทันหัน. ดังนั้น เราควรจะตื่นตัวและเตรียมพร้อมที่จะต้อนรับพระองค์.



ถ้าจะก่อสร้างที่ประทับของพระเจ้า เราต้องเป็นผู้ที่เติมเต็มด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า.

เราไม่สามารถทำการงานนี้ โดยชีวิตและความสามารถตามธรรมชาติของเราหรือ ในมนุษย์ธรรมชาติของเราได้. สิ่งที่อยู่ฝ่ายธรรมชาตินั้น ไม่มีสิ่งใดที่สามารถก่อสร้างที่ประทับของพระเจ้าได้. มีแต่พระวิญญาณของพระเจ้า จึงจะสามารถก่อสร้างที่ประทับ ของพระองค์เองผ่านตัวเราได้. เราเป็นเครื่องมือหรือสื่อกลาง. สำหรับเราทั้งหลายนั้น ความสามารถ, ศักยภาพ, กำลัง, และฤทธิ์เดชที่แท้จริง จะต้องเป็นตัวของพระเจ้าเอง ในฐานะพระวิญญาณ. การเติมเต็ม ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า มีความเกี่ยวข้องกับสี่เรื่องคือ สติปัญญา, ความเข้าใจ, ความรู้, และฝีมือในงานช่างทักษะหรือฝีมือในงานช่างนี้มีความเกี่ยวข้องกับความรู้. แต่การมีความรู้อย่างเดียว ย่อมไม่เพียงพอ เรายังต้องมีความเข้าใจและสติปัญญาด้วย.


ดี-ชั่ว , ถูก-ผิด

ทางของเราที่อยู่ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้านั้น ไม่ใช่เรื่องของความดีชั่ว แต่เป็นเรื่องของชีวิตที่อยู่ภายใน. เราต้องเรียนรู้บทเรียนนี้ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า อย่าประพฤติตามมาตรฐานแห่งความถูกผิดหรือสิ่งที่มองเห็นเท่านั้น. มาตรฐานในการดำเนินชีวิตของคริสเตียนต้องสูงส่งกว่าความถูกผิด. สิ่งที่ผิดก็คือผิด แต่สิ่งที่ถูกนั้นถึงแม้เราจะมองเห็นว่าถูกแต่ไม่แน่ว่าจะถูกเสมอไป หากเราประพฤติตามชีวิตของพระเจ้า พระองค์จะแสดงให้เห็นว่าข้อเรียกร้องของพระองค์สูงกว่ากฏบัญญัติ. วันนี้หลายปัญหาที่เกิดขึ้น ก็มีสาเหตุมาจากการที่เรามีแต่มาตรฐานแห่งความถูกผิดเท่านั้น สาเหตุที่เราผิดพลาด ก็เป็นเพราะเราไม่มีมาตรฐาน แห่งชีวิตของพระเจ้า ถ้าเรามีมาตรฐานแห่งชีวิตของพระเจ้าปัญหามากมายก็จะได้รับการแก้ไข. เราไม่ได้ตัดสินสิ่งใดตามกฎบัญญัติทางภายนอก หรือตามที่ตามองเห็น แต่เราดำเนินชีวิต ตามการนำพาขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่อยู่ภายในของเรา.



‘ พ ย า น บุ ค ค ล ข อ ง พ ร ะ เ จ้ า ’

ถ้าเราถูกเติมเต็มด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพระคำอันมีชีวิตทุกๆ วัน เราก็จะสำแดงออกซึ่งพระคำแห่งชีวิตโดยอัตโนมัติ. เราจะนำพระคำแห่งชีวิตนี้ไปสำแดงและมอบแก่ผู้อื่น. นี่ก็คือการสำแดงพระคริสต์ใหญ่ขึ้นและการดำเนินชีวิตพระคริสต์. ถ้าเราประสบการณ์ความรอดในแต่ละวันเช่นนี้ เราก็จะส่องสว่างดุจดวงสว่างต่างๆดุจความสว่างในโลก คือสำแดงออกซึ่งพระคำแห่งชีวิต. การดำเนินชีวิตของเราคือการนำพระคำแห่งชีวิตไปสำแดงแก่ผู้คน. ด้านหนึ่ง เรากำลังป่าวประกาศและสั่งสอนพระคำแห่งชีวิต อีกด้านหนึ่ง เราก็กำลังสำแดงพระคำแห่งชีวิตโดยการดำเนินชีวิตพระคริสต์ของเรา. เมื่อเราดำเนินชีวิตพระคริสต์ เราก็จะส่องสว่าง. ในฐานะบุตรทั้งหลายของพระเจ้าที่มีชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์ เรามีหน้าที่ในการส่องสว่างในชีวิตประจำวันของเรา เราไม่เพียงควรประพฤติตนตามมาตรฐานใดมาตรฐานหนึ่งเท่านั้น แต่เรายังควรส่องสว่างด้วย.